การทำงานในอุตสาหกรรม นายจ้างต้องมีการจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในขั้นตอนการทำงาน เพื่อลดการบาดเจ็บ โรคจากการทำงานและอื่นๆที่ส่งผลต่อสุขภาพและชีวิตของพนักงาน หลายคนอาจส่งสัยว่าแล้วควรเริ่มจัดการความเสี่ยงยังไงดี? เราได้รวมเครื่องมือในการจัดการความเสี่ยงที่ใช้ง่าย และมีการนำไปใช้จริงในการทำงานขององค์กร
การจัดการความเสี่ยงเริ่มจากอะไร
ความเสี่ยง หมายถึง โอกาสหรือความน่าจะเป็นที่เหตุการณ์ที่ไม่ต้องการจะเกิดขึ้น และส่งผลกระทบเชิงลบต่อวัตถุประสงค์หรือผลลัพธ์ที่ตั้งไว้ในองค์กร ความเสี่ยงสามารถเกิดจากหลายแหล่ง ทั้งจากการดำเนินการภายในองค์กรหรือจากปัจจัยภายนอก เช่น การเปลี่ยนแปลงทางกฎหมาย, สภาวะเศรษฐกิจ, หรือภัยธรรมชาติ
การจัดการความเสี่ยงในด้านความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวข้องกับการระบุอันตรายที่อาจเกิดขึ้น, ประเมินความเสี่ยง, และดำเนินมาตรการเพื่อลดหรือควบคุมความเสี่ยงเหล่านั้น เป้าหมายสุดท้าย คื อการป้องกันอุบัติเหตุ, การบาดเจ็บ, และปัญหาสุขภาพในขณะเดียวกันก็ต้องให้สอดคล้องกับข้อกำหนดทางกฎหมาย
เครื่องมือในการประเมินที่ดีทำให้มองภาพรวมได้ง่ายขึ้น ทำให้ให้วิธีการที่เป็นระบบในการวิเคราะห์และจัดการกับความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสมกับผู้ที่ดูแลความปลอดภัยในการทำงานอย่าง เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน (จป.) และ คณะกรรมการความปลอดภัยฯ ในการทำงาน (คปอ.) (ทั้ง 2 ตำแหน่งต้องผ่านการอบรมและขึ้นทะเบียนถึงจะสามารถปฏิบัติงานได้ อย่าง คปอ อบรม เมื่อผ่านการอบรมต้องนำวุฒิบัตรที่ได้จากศูนย์ฝึกไปขึ้นทะเบียนกับกรมสวสัดิการฯ )
เครื่องมือสำหรับการจัดการความเสี่ยง ในองค์กร
เครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์หลายประเภทถูกใช้ทั่วไปในการจัดการความเสี่ยง เพื่อปรับปรุงการปฏิบัติด้านความปลอดภัยและผลลัพธ์ เครื่องมือเหล่านี้ช่วยในการทำความเข้าใจความเสี่ยง, วิเคราะห์สาเหตุของมัน, และพัฒนากลยุทธ์เพื่อลดความเสี่ยง ซึ่งเครื่องมือที่นิยมใช้บ่อยที่สุดมีดังนี้
1. ตารางการประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment Matrix)
ตารางการประเมินความเสี่ยงเป็นเครื่องมือกราฟิกที่ใช้ในการประเมินความรุนแรงและความน่าจะเป็นของความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มันช่วยในการจัดลำดับความสำคัญของความเสี่ยงตามผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นและความน่าจะเป็นในการเกิดขึ้น โดยการจัดประเภทความเสี่ยงเป็นระดับต่าง ๆ (เช่น ต่ำ, กลาง, สูง) องค์กรสามารถมุ่งเน้นทรัพยากรของพวกเขาในการจัดการปัญหาที่สำคัญที่สุด
วิธีการใช้งาน:
- ระบุความเสี่ยง: จัดทำรายการอันตรายที่อาจเกิดขึ้นทั้งหมดในที่ทำงาน
- ประเมินความน่าจะเป็นและผลกระทบ: ประเมินความน่าจะเป็นของการเกิดความเสี่ยงแต่ละรายการและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- วางความเสี่ยงในตาราง: วางความเสี่ยงแต่ละรายการในตำแหน่งที่เหมาะสมของตาราง
- พัฒนากลยุทธ์การบรรเทา: สร้างแผนการดำเนินการสำหรับความเสี่ยงที่มีความสำคัญสูง
2. การวิเคราะห์ข้อบกพร่องและผลกระทบ (FMEA)
Failure Mode and Effects Analysis หรือเรียกย่อๆว่า FMEA เป็นวิธีการที่เป็นระบบในการระบุข้อพกบร่องที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการหรือระบบ และประเมินผลกระทบของมันต่อความปลอดภัย ช่วยในการทำความเข้าใจสาเหตุรากฐานของความล้มเหลวอันตราย และผลกระทบ ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถดำเนินมาตรการป้องกันได้
วิธีการใช้งาน:
- ระบุความเสี่ยงที่เป็นไปได้: จัดทำรายการวิธีการที่กระบวนการ หรือขั้นตอนที่อาจเกิดความเสี่ยง
- ประเมินผลกระทบ: กำหนดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นของแต่ละขั้นตอนความเสี่ยง ต่อความปลอดภัย
- วิเคราะห์สาเหตุ: วิเคราะห์สาเหตุรากฐานของแต่ละความเสี่ยง
- จัดลำดับความสำคัญ: จัดอันดับความเสี่ยงตามความรุนแรง, ความถี่, และความสามารถในการตรวจจับ
- ดำเนินการควบคุม: พัฒนาและดำเนินการกลยุทธ์เพื่อบรรเทาความเสี่ยงที่มีความสำคัญสูง
3. แผนภูมิก้างปลา (Fishbone Diagram)
แผนผังสาเหตุและผลกระทบ หรือที่รู้จักในชื่อแผนภูมิก้างปลา (Fishbone Diagram) เป็นเครื่องมือภาพที่ใช้ในการระบุและวิเคราะห์สาเหตุรากฐานของปัญหาหรือความเสี่ยง มันช่วยในการทำความเข้าใจปัจจัยที่หลากหลายที่มีส่วนทำให้เกิดความเสี่ยงหรือปัญหา
วิธีการใช้งาน:
- กำหนดปัญหา: ระบุปัญหาหรือความเสี่ยงที่ต้องวิเคราะห์
- ระบุหมวดหมู่: กำหนดหมวดหมู่หลักของสาเหตุที่อาจเกิดขึ้น (เช่น คน, กระบวนการ, วัสดุ, สิ่งแวดล้อม)
- ระดมสมองสาเหตุ: จัดทำรายการสาเหตุที่เป็นไปได้ภายใต้แต่ละหมวดหมู่
- วิเคราะห์ความสัมพันธ์: ตรวจสอบว่าสาเหตุต่าง ๆ อาจมีส่วนเกีย่วข้องกับปัญหาอย่างไร
- พัฒนาวิธีการแก้ปัญหา: สร้างแผนการดำเนินการเพื่อจัดการกับสาเหตุที่ระบุ
4. การชี้บ่งอันตรายของกระบวนการ และการปฏิบัติงาน (HAZOP)
Hazard and Operability เรียกย่อๆว่า HAZOP คือ เทคนิคการวิเคราะห์ที่ใช้ในการระบุและประเมินอันตรายในระบบ กระบวนการ หรือการปฏิบัติงาน โดยมุ่งเน้นไปที่การศึกษาและวิเคราะห์ความปลอดภัยของกระบวนการ โดยพิจารณาถึงความเป็นไปได้ของสาเหตุที่อาจนำไปสู่ความอันตรายสูงสุด ซึ่งเกิดจากการทำงานผิดปกติของกระบวนการหรือเครื่องมือที่อาจเบี่ยงเบนจากการออกแบบหรือระบบที่ตั้งไว้
วิธีการใช้งาน:
- กำหนดขอบเขต: กำหนดขอบเขตของการศึกษา รวมถึงกระบวนการหรือระบบที่จะวิเคราะห์
- จัดทีม: รวมทีมที่มีความเชี่ยวชาญในกระบวนการที่เกี่ยวข้อง
- ดำเนินการประชุมระดมสมอง: ตรวจสอบแต่ละขั้นตอนของกระบวนการ และระบุความเบี่ยงเบนและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
- วิเคราะห์ผลกระทบ: ประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นของแต่ละความเบี่ยงเบนต่อความปลอดภัย
- พัฒนาคำแนะนำ: เสนอการเปลี่ยนแปลงหรือควบคุมเพื่อจัดการกับปัญหาที่ระบุ
5. การวิเคราะห์ต้นเหตุของระบบด้วยวิธีต้นไม้ (Fault Tree Analysis – FTA)
การวิเคราะห์ต้นเหตุ (Fault Tree Analysis – FTA) เป็นวิธีการจากมุมมองด้านบนลงล่าง ที่ใช้ในการวิเคราะห์สาเหตุของอุบัติเหตุ หรือผลกระทบต่อความปลอดภัย มันเกี่ยวข้องกับการสร้างแผนผังที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างอันตรายและปัจจัยที่เกิดให้เกิด เครื่องมือนี้สามารุประเมินความเสี่ยง ความถี่การเกิดอุบัติเหตุ และระดับความปลอดภัย SIL
วิธีการใช้งาน:
- กำหนดเหตุการณ์อันตราย: ระบุเหตุการณ์หรืออันตรายที่ต้องการวิเคราะห์
- สร้างแผนผังต้นเหตุ: สร้างแผนผังที่แสดงความสัมพันธ์เชิงตรรกะระหว่างอันตราย และปัจจัยที่ก่อให้เกิด
- วิเคราะห์เหตุการณ์พื้นฐาน: ตรวจสอบเหตุการณ์พื้นฐานที่นำไปสู่อันตราย
- ประเมินความน่าจะเป็น: ประเมินความน่าจะเป็นของการเกิดเหตุการณ์พื้นฐานแต่ละรายการ
- ดำเนินการควบคุม: พัฒนากลยุทธ์เพื่อป้องกันหรือบรรเทาเหตุการณ์สูงสุดและปัจจัยที่มีส่วนร่วม
6. แผนภูมิควบคุม (Control Charts)
แผนภูมิควบคุม (Control Charts) เป็นเครื่องมือทางสถิติที่ใช้ในการติดตามประสิทธิภาพของกระบวนการ และตรวจจับความเบี่ยงเบนที่อาจบ่งบอกถึงความเสี่ยง มันช่วยในการระบุแนวโน้มหรือความผิดปกติที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัย
วิธีการใช้งาน:
- รวบรวมข้อมูล: เก็บข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัดด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวข้อง (เช่น อัตราการเกิดอุบัติเหตุ, เหตุการณ์เกือบเกิดอุบัติเหตุ)
- วาดกราฟ: สร้างแผนภูมิควบคุมที่มีจุดข้อมูลและขีดจำกัดควบคุม
- วิเคราะห์ความเบี่ยงเบน: ตรวจสอบข้อมูลเพื่อหาสัญญาณของความเบี่ยงเบนหรือแนวโน้มที่ผิดปกติ
- ดำเนินการ: ดำเนินการแก้ไขหากข้อมูลบ่งบอกถึงการเบี่ยงเบนจากผลลัพธ์ที่คาดหวัง
7. การควบคุมกระบวนการทางสถิติ (Statistical Process Control – SPC)
การควบคุมกระบวนการทางสถิติ เกี่ยวข้องกับการใช้วิธีการทางสถิติในการติดตามและควบคุมกระบวนการ มันช่วยในการระบุความเบี่ยงเบนและดำเนินการปรับปรุงเพื่อให้แน่ใจว่าประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยมีความสม่ำเสมอ
วิธีการใช้งาน:
- กำหนดตัวชี้วัดกระบวนการ: ระบุตัวชี้วัดหลักที่จะติดตาม (เช่น อัตราการปฏิบัติตามมาตรฐานด้านความปลอดภัย, ความน่าเชื่อถือของอุปกรณ์)
- รวบรวมข้อมูล: เก็บข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัดที่กำหนด
- วิเคราะห์ข้อมูล: ใช้เทคนิคทางสถิติเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและระบุแนวโน้มหรือปัญหา
- ดำเนินการปรับปรุง: พัฒนาและดำเนินกลยุทธ์เพื่อตอบสนองปัญหาที่ระบุและปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการ
8. บันทึกความเสี่ยง (Risk Register)
บันทึกความเสี่ยง เป็นเอกสารที่ครอบคลุมซึ่งบันทึกความเสี่ยงทั้งหมดที่ระบุ, การประเมิน, และการดำเนินการที่ดำเนินการเพื่อลดมัน มันทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางข้อมูลสำหรับการจัดการความเสี่ยงและช่วยในการติดตามและจัดการความเสี่ยงตลอดเวลา
วิธีการใช้งาน:
- ระบุความเสี่ยง: จัดทำรายการความเสี่ยงและอันตรายทั้งหมด
- ประเมินความเสี่ยง: ประเมินความน่าจะเป็นและผลกระทบของแต่ละความเสี่ยง
- บันทึกการควบคุม: บันทึกการดำเนินการที่ดำเนินการเพื่อลดความเสี่ยงแต่ละรายการ
- ตรวจสอบและปรับปรุง: ตรวจสอบและปรับปรุงบันทึกความเสี่ยงเป็นระยะ ๆ เพื่อสะท้อนการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมความเสี่ยง
วิธีใช้เครื่องมือจัดการความเสี่ยงให้มีประสิทธิภาพต้องทำยังไง
เพื่อที่คุณสามารถใช้เครื่องมือในการจัดการความเสี่ยงในด้านความปลอดภัยในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ องค์กรควรปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดดังนี้:
1. รวมเครื่องมือเข้ากับระบบการจัดการความปลอดภัย
เครื่องมือคุณภาพควรถูกบูรณาการเข้ากับระบบการจัดการความปลอดภัยโดยรวมขององค์กร เพื่อให้แน่ใจว่าการปฏิบัติในการจัดการความเสี่ยงสอดคล้องกับเป้าหมายด้านความปลอดภัยขององค์กรและข้อกำหนดทางกฎหมาย
2. ฝึกอบรมพนักงาน
พนักงานควรได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับวิธีการใช้เครื่องมืออย่างถูกต้องในภาคอุตสาหกรรมที่จะมีการสอนอย่างเช่น หลักสูตร JSA การฝึกอบรมทำให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องในการจัดการความเสี่ยงเข้าใจเครื่องมือและการใช้งานของมัน
3. ตรวจสอบและปรับปรุงเป็นระยะ
การปฏิบัติในการจัดการความเสี่ยงควรถูกตรวจสอบและปรับปรุงเป็นระยะ เพื่อสะท้อนการเปลี่ยนแปลงในที่ทำงาน, กฎหมาย, และมาตรฐานอุตสาหกรรม
4. ใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ
ข้อมูลที่เก็บรวบรวมผ่านเครื่องมือคุณภาพควรถูกใช้ในการตัดสินใจ การวิเคราะห์ข้อมูลช่วยในการระบุแนวโน้ม, ประเมินความมีประสิทธิภาพของการควบคุม, และการตัดสินใจที่มีข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการความเสี่ยง
บทสรุป
เครื่องมือคุณภาพสำหรับการจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในการเสริมสร้างความปลอดภัยในการทำงานและการรับรองสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย การใช้เครื่องมือเช่น ตารางการประเมินความเสี่ยง, FMEA, HAZOP, แผนภูมิควบคุม, SPC ฯลฯ ช่วยให้สามารถระบุ, ประเมิน, และลดความเสี่ยงได้อย่างเป็นระบบ