เครื่องมือจัดการความเสี่ยง ในด้านความปลอดภัยในการทำงาน

by Leroy Burton
13 views
เครื่องมือจัดการความเสี่ยง

การทำงานในอุตสาหกรรม นายจ้างต้องมีการจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในขั้นตอนการทำงาน เพื่อลดการบาดเจ็บ โรคจากการทำงานและอื่นๆที่ส่งผลต่อสุขภาพและชีวิตของพนักงาน หลายคนอาจส่งสัยว่าแล้วควรเริ่มจัดการความเสี่ยงยังไงดี? เราได้รวมเครื่องมือในการจัดการความเสี่ยงที่ใช้ง่าย และมีการนำไปใช้จริงในการทำงานขององค์กร

การจัดการความเสี่ยงเริ่มจากอะไร

ความเสี่ยง หมายถึง โอกาสหรือความน่าจะเป็นที่เหตุการณ์ที่ไม่ต้องการจะเกิดขึ้น และส่งผลกระทบเชิงลบต่อวัตถุประสงค์หรือผลลัพธ์ที่ตั้งไว้ในองค์กร ความเสี่ยงสามารถเกิดจากหลายแหล่ง ทั้งจากการดำเนินการภายในองค์กรหรือจากปัจจัยภายนอก เช่น การเปลี่ยนแปลงทางกฎหมาย, สภาวะเศรษฐกิจ, หรือภัยธรรมชาติ

การจัดการความเสี่ยงในด้านความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวข้องกับการระบุอันตรายที่อาจเกิดขึ้น, ประเมินความเสี่ยง, และดำเนินมาตรการเพื่อลดหรือควบคุมความเสี่ยงเหล่านั้น เป้าหมายสุดท้าย คื อการป้องกันอุบัติเหตุ, การบาดเจ็บ, และปัญหาสุขภาพในขณะเดียวกันก็ต้องให้สอดคล้องกับข้อกำหนดทางกฎหมาย

เครื่องมือในการประเมินที่ดีทำให้มองภาพรวมได้ง่ายขึ้น ทำให้ให้วิธีการที่เป็นระบบในการวิเคราะห์และจัดการกับความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสมกับผู้ที่ดูแลความปลอดภัยในการทำงานอย่าง เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน (จป.) และ คณะกรรมการความปลอดภัยฯ ในการทำงาน (คปอ.) (ทั้ง 2 ตำแหน่งต้องผ่านการอบรมและขึ้นทะเบียนถึงจะสามารถปฏิบัติงานได้ อย่าง คปอ อบรม เมื่อผ่านการอบรมต้องนำวุฒิบัตรที่ได้จากศูนย์ฝึกไปขึ้นทะเบียนกับกรมสวสัดิการฯ )

เครื่องมือสำหรับการจัดการความเสี่ยง ในองค์กร

เครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์หลายประเภทถูกใช้ทั่วไปในการจัดการความเสี่ยง เพื่อปรับปรุงการปฏิบัติด้านความปลอดภัยและผลลัพธ์ เครื่องมือเหล่านี้ช่วยในการทำความเข้าใจความเสี่ยง, วิเคราะห์สาเหตุของมัน, และพัฒนากลยุทธ์เพื่อลดความเสี่ยง ซึ่งเครื่องมือที่นิยมใช้บ่อยที่สุดมีดังนี้

1. ตารางการประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment Matrix)

ตารางการประเมินความเสี่ยงเป็นเครื่องมือกราฟิกที่ใช้ในการประเมินความรุนแรงและความน่าจะเป็นของความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มันช่วยในการจัดลำดับความสำคัญของความเสี่ยงตามผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นและความน่าจะเป็นในการเกิดขึ้น โดยการจัดประเภทความเสี่ยงเป็นระดับต่าง ๆ (เช่น ต่ำ, กลาง, สูง) องค์กรสามารถมุ่งเน้นทรัพยากรของพวกเขาในการจัดการปัญหาที่สำคัญที่สุด

วิธีการใช้งาน:

  1. ระบุความเสี่ยง: จัดทำรายการอันตรายที่อาจเกิดขึ้นทั้งหมดในที่ทำงาน
  2. ประเมินความน่าจะเป็นและผลกระทบ: ประเมินความน่าจะเป็นของการเกิดความเสี่ยงแต่ละรายการและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
  3. วางความเสี่ยงในตาราง: วางความเสี่ยงแต่ละรายการในตำแหน่งที่เหมาะสมของตาราง
  4. พัฒนากลยุทธ์การบรรเทา: สร้างแผนการดำเนินการสำหรับความเสี่ยงที่มีความสำคัญสูง

2. การวิเคราะห์ข้อบกพร่องและผลกระทบ (FMEA)

Failure Mode and Effects Analysis หรือเรียกย่อๆว่า  FMEA เป็นวิธีการที่เป็นระบบในการระบุข้อพกบร่องที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการหรือระบบ และประเมินผลกระทบของมันต่อความปลอดภัย ช่วยในการทำความเข้าใจสาเหตุรากฐานของความล้มเหลวอันตราย และผลกระทบ ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถดำเนินมาตรการป้องกันได้

วิธีการใช้งาน:

  1. ระบุความเสี่ยงที่เป็นไปได้: จัดทำรายการวิธีการที่กระบวนการ หรือขั้นตอนที่อาจเกิดความเสี่ยง
  2. ประเมินผลกระทบ: กำหนดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นของแต่ละขั้นตอนความเสี่ยง ต่อความปลอดภัย
  3. วิเคราะห์สาเหตุ: วิเคราะห์สาเหตุรากฐานของแต่ละความเสี่ยง
  4. จัดลำดับความสำคัญ: จัดอันดับความเสี่ยงตามความรุนแรง, ความถี่, และความสามารถในการตรวจจับ
  5. ดำเนินการควบคุม: พัฒนาและดำเนินการกลยุทธ์เพื่อบรรเทาความเสี่ยงที่มีความสำคัญสูง

แผนภูมิก้างปลา (Fishbone Diagram)

3. แผนภูมิก้างปลา (Fishbone Diagram)

แผนผังสาเหตุและผลกระทบ หรือที่รู้จักในชื่อแผนภูมิก้างปลา (Fishbone Diagram) เป็นเครื่องมือภาพที่ใช้ในการระบุและวิเคราะห์สาเหตุรากฐานของปัญหาหรือความเสี่ยง มันช่วยในการทำความเข้าใจปัจจัยที่หลากหลายที่มีส่วนทำให้เกิดความเสี่ยงหรือปัญหา

วิธีการใช้งาน:

  1. กำหนดปัญหา: ระบุปัญหาหรือความเสี่ยงที่ต้องวิเคราะห์
  2. ระบุหมวดหมู่: กำหนดหมวดหมู่หลักของสาเหตุที่อาจเกิดขึ้น (เช่น คน, กระบวนการ, วัสดุ, สิ่งแวดล้อม)
  3. ระดมสมองสาเหตุ: จัดทำรายการสาเหตุที่เป็นไปได้ภายใต้แต่ละหมวดหมู่
  4. วิเคราะห์ความสัมพันธ์: ตรวจสอบว่าสาเหตุต่าง ๆ อาจมีส่วนเกีย่วข้องกับปัญหาอย่างไร
  5. พัฒนาวิธีการแก้ปัญหา: สร้างแผนการดำเนินการเพื่อจัดการกับสาเหตุที่ระบุ

4. การชี้บ่งอันตรายของกระบวนการ และการปฏิบัติงาน (HAZOP)

Hazard and Operability  เรียกย่อๆว่า HAZOP  คือ เทคนิคการวิเคราะห์ที่ใช้ในการระบุและประเมินอันตรายในระบบ กระบวนการ หรือการปฏิบัติงาน โดยมุ่งเน้นไปที่การศึกษาและวิเคราะห์ความปลอดภัยของกระบวนการ โดยพิจารณาถึงความเป็นไปได้ของสาเหตุที่อาจนำไปสู่ความอันตรายสูงสุด ซึ่งเกิดจากการทำงานผิดปกติของกระบวนการหรือเครื่องมือที่อาจเบี่ยงเบนจากการออกแบบหรือระบบที่ตั้งไว้

วิธีการใช้งาน:

  1. กำหนดขอบเขต: กำหนดขอบเขตของการศึกษา รวมถึงกระบวนการหรือระบบที่จะวิเคราะห์
  2. จัดทีม: รวมทีมที่มีความเชี่ยวชาญในกระบวนการที่เกี่ยวข้อง
  3. ดำเนินการประชุมระดมสมอง: ตรวจสอบแต่ละขั้นตอนของกระบวนการ และระบุความเบี่ยงเบนและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
  4. วิเคราะห์ผลกระทบ: ประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นของแต่ละความเบี่ยงเบนต่อความปลอดภัย
  5. พัฒนาคำแนะนำ: เสนอการเปลี่ยนแปลงหรือควบคุมเพื่อจัดการกับปัญหาที่ระบุ

5. การวิเคราะห์ต้นเหตุของระบบด้วยวิธีต้นไม้ (Fault Tree Analysis – FTA)

การวิเคราะห์ต้นเหตุ (Fault Tree Analysis – FTA) เป็นวิธีการจากมุมมองด้านบนลงล่าง ที่ใช้ในการวิเคราะห์สาเหตุของอุบัติเหตุ หรือผลกระทบต่อความปลอดภัย มันเกี่ยวข้องกับการสร้างแผนผังที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างอันตรายและปัจจัยที่เกิดให้เกิด เครื่องมือนี้สามารุประเมินความเสี่ยง ความถี่การเกิดอุบัติเหตุ และระดับความปลอดภัย SIL

วิธีการใช้งาน:

  1. กำหนดเหตุการณ์อันตราย: ระบุเหตุการณ์หรืออันตรายที่ต้องการวิเคราะห์
  2. สร้างแผนผังต้นเหตุ: สร้างแผนผังที่แสดงความสัมพันธ์เชิงตรรกะระหว่างอันตราย และปัจจัยที่ก่อให้เกิด
  3. วิเคราะห์เหตุการณ์พื้นฐาน: ตรวจสอบเหตุการณ์พื้นฐานที่นำไปสู่อันตราย
  4. ประเมินความน่าจะเป็น: ประเมินความน่าจะเป็นของการเกิดเหตุการณ์พื้นฐานแต่ละรายการ
  5. ดำเนินการควบคุม: พัฒนากลยุทธ์เพื่อป้องกันหรือบรรเทาเหตุการณ์สูงสุดและปัจจัยที่มีส่วนร่วม

แผนภูมิควบคุม (Control Charts)

6. แผนภูมิควบคุม (Control Charts)

แผนภูมิควบคุม (Control Charts) เป็นเครื่องมือทางสถิติที่ใช้ในการติดตามประสิทธิภาพของกระบวนการ และตรวจจับความเบี่ยงเบนที่อาจบ่งบอกถึงความเสี่ยง มันช่วยในการระบุแนวโน้มหรือความผิดปกติที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัย

วิธีการใช้งาน:

  1. รวบรวมข้อมูล: เก็บข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัดด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวข้อง (เช่น อัตราการเกิดอุบัติเหตุ, เหตุการณ์เกือบเกิดอุบัติเหตุ)
  2. วาดกราฟ: สร้างแผนภูมิควบคุมที่มีจุดข้อมูลและขีดจำกัดควบคุม
  3. วิเคราะห์ความเบี่ยงเบน: ตรวจสอบข้อมูลเพื่อหาสัญญาณของความเบี่ยงเบนหรือแนวโน้มที่ผิดปกติ
  4. ดำเนินการ: ดำเนินการแก้ไขหากข้อมูลบ่งบอกถึงการเบี่ยงเบนจากผลลัพธ์ที่คาดหวัง

7. การควบคุมกระบวนการทางสถิติ (Statistical Process Control – SPC)

การควบคุมกระบวนการทางสถิติ เกี่ยวข้องกับการใช้วิธีการทางสถิติในการติดตามและควบคุมกระบวนการ มันช่วยในการระบุความเบี่ยงเบนและดำเนินการปรับปรุงเพื่อให้แน่ใจว่าประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยมีความสม่ำเสมอ

วิธีการใช้งาน:

  1. กำหนดตัวชี้วัดกระบวนการ: ระบุตัวชี้วัดหลักที่จะติดตาม (เช่น อัตราการปฏิบัติตามมาตรฐานด้านความปลอดภัย, ความน่าเชื่อถือของอุปกรณ์)
  2. รวบรวมข้อมูล: เก็บข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัดที่กำหนด
  3. วิเคราะห์ข้อมูล: ใช้เทคนิคทางสถิติเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและระบุแนวโน้มหรือปัญหา
  4. ดำเนินการปรับปรุง: พัฒนาและดำเนินกลยุทธ์เพื่อตอบสนองปัญหาที่ระบุและปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการ

8. บันทึกความเสี่ยง (Risk Register)

บันทึกความเสี่ยง เป็นเอกสารที่ครอบคลุมซึ่งบันทึกความเสี่ยงทั้งหมดที่ระบุ, การประเมิน, และการดำเนินการที่ดำเนินการเพื่อลดมัน มันทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางข้อมูลสำหรับการจัดการความเสี่ยงและช่วยในการติดตามและจัดการความเสี่ยงตลอดเวลา

วิธีการใช้งาน:

  1. ระบุความเสี่ยง: จัดทำรายการความเสี่ยงและอันตรายทั้งหมด
  2. ประเมินความเสี่ยง: ประเมินความน่าจะเป็นและผลกระทบของแต่ละความเสี่ยง
  3. บันทึกการควบคุม: บันทึกการดำเนินการที่ดำเนินการเพื่อลดความเสี่ยงแต่ละรายการ
  4. ตรวจสอบและปรับปรุง: ตรวจสอบและปรับปรุงบันทึกความเสี่ยงเป็นระยะ ๆ เพื่อสะท้อนการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมความเสี่ยง

วิธีใช้เครื่องมือจัดการความเสี่ยงให้มีประสิทธิภาพ

วิธีใช้เครื่องมือจัดการความเสี่ยงให้มีประสิทธิภาพต้องทำยังไง

เพื่อที่คุณสามารถใช้เครื่องมือในการจัดการความเสี่ยงในด้านความปลอดภัยในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ องค์กรควรปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดดังนี้:

1. รวมเครื่องมือเข้ากับระบบการจัดการความปลอดภัย

เครื่องมือคุณภาพควรถูกบูรณาการเข้ากับระบบการจัดการความปลอดภัยโดยรวมขององค์กร เพื่อให้แน่ใจว่าการปฏิบัติในการจัดการความเสี่ยงสอดคล้องกับเป้าหมายด้านความปลอดภัยขององค์กรและข้อกำหนดทางกฎหมาย

2. ฝึกอบรมพนักงาน

พนักงานควรได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับวิธีการใช้เครื่องมืออย่างถูกต้องในภาคอุตสาหกรรมที่จะมีการสอนอย่างเช่น หลักสูตร JSA การฝึกอบรมทำให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องในการจัดการความเสี่ยงเข้าใจเครื่องมือและการใช้งานของมัน

3. ตรวจสอบและปรับปรุงเป็นระยะ

การปฏิบัติในการจัดการความเสี่ยงควรถูกตรวจสอบและปรับปรุงเป็นระยะ เพื่อสะท้อนการเปลี่ยนแปลงในที่ทำงาน, กฎหมาย, และมาตรฐานอุตสาหกรรม

4. ใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ

ข้อมูลที่เก็บรวบรวมผ่านเครื่องมือคุณภาพควรถูกใช้ในการตัดสินใจ การวิเคราะห์ข้อมูลช่วยในการระบุแนวโน้ม, ประเมินความมีประสิทธิภาพของการควบคุม, และการตัดสินใจที่มีข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการความเสี่ยง

บทสรุป

เครื่องมือคุณภาพสำหรับการจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในการเสริมสร้างความปลอดภัยในการทำงานและการรับรองสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย การใช้เครื่องมือเช่น ตารางการประเมินความเสี่ยง, FMEA, HAZOP,  แผนภูมิควบคุม, SPC ฯลฯ ช่วยให้สามารถระบุ, ประเมิน, และลดความเสี่ยงได้อย่างเป็นระบบ

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

Worldmac เว็บไซต์รวบรวมแหล่งความรู้ที่มีประโยชน์และทันสมัย เกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงานที่คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง

ติดต่อ

Copyright @2024  All Right Reserved – Designed and Developed by worldmachinerystore